มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมฉลองชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม จากศึกแรลลี่สุดหฤโหด “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” พร้อมจัดแสดงรถแข่ง ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่งาน Big Motor Sale 2023

กรุงเทพฯ – 25 สิงหาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองชัยชนะจากการแข่งขัน “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” ตอกย้ำจิตวิญญาณของความเร้าใจสไตล์มอเตอร์สปอร์ต ด้วยดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ ที่โชว์ศักยภาพขีดสุดของสมรรถนะออล-นิว ไทรทัน โดยทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ โดยรถแข่งทั้งหมดของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถเข้าเส้นชัยและทำเวลาได้ดีกว่าทีมอื่นๆ ที่ส่งรถเข้าแข่งขัน 2 คันขึ้นไป การคว้าชัยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง และความทนทานของออล-นิว ไทรทัน ในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้อย่างยอดเยี่ยม

ในศึก “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” รถแข่งหมายเลข #101 ขับแข่งโดย “โอห์ม” ชยพล โยธา โดยมี “ต่อ” พีรพงษ์ สมบัติวงศ์ เป็น Co-driver คู่ใจ ร่วมกันคว้ารางวัลอันดับที่ 3 ประเภทบุคคล มาได้สำเร็จ ขณะที่ มร. คัตซูฮิโกะ ทากูชิ และ มร. ทาคาฮิโระ ยาสุอิ จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #112 เข้าสู่เส้นชัยในอันดับที่ 8 ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีมมาครอง พร้อมตอกย้ำสมรรถนะที่เหนือกว่าของ รถกระบะรุ่นใหม่ ด้วยผลงานของ มร. ริฟัต ซุงการ์ จากอินโดนีเซีย และชูพงศ์ ชัยวรรณ กับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #106 ที่เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 32 โดยทั้งคู่ยังสามารถทำเวลาเข้าเส้นชัยในอันดับสูงสุดในการแข่งขันวันที่ 5 (SS 5) อีกด้วย ทั้งนี้ การแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 – 19 สิงหาคม 2566 ในประเทศไทย และ สปป.ลาว

มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราทุกคนภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท และสมรรถนะของ ออล-นิว ไทรทัน ที่ได้รับการปฏิวัติมาใหม่ทุกอณู รางวัลที่ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ามาครองและผลงานของนักแข่ง แสดงถึงศักยภาพของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งในด้านสมรรถนะและความทนทาน แม้จะมีระยะเวลาการเตรียมตัวที่ค่อนข้างจำกัด ผลลัพธ์อันน่าภาคภูมิใจนี้ที่ได้สะท้อนถึงสมรรถนะที่เหนือกว่าของรถกระบะรุ่นใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อผสานกับความสามารถของนักแข่งและทีมงานสนับสนุน เราหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ในปีหน้าได้สำเร็จ และที่สำคัญ เราจะใช้ข้อมูลและประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำมาใช้พัฒนาการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่จะขายในตลาดต่อไปในอนาคต”

“นอกจากออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แล้ว รถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นสู่ชัยชนะและความทุ่มเทสู่การเป็นแชมป์ คือพลังขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่นของเรา เพราะชัยชนะของเราคือชัยชนะของทุกคน รวมถึงลูกค้าของเราด้วย รถยนต์เหล่านี้ได้รับการจัดแสดงที่งาน Big Motor Sale 2023 ทั้งออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของเราที่มีมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส” มร. โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม

ไฮไลท์ภายในงาน Big Motor Sale 2023 คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันด้วยการหลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อมอบความปลอดภัย มั่นใจ และสะดวกสบายในการขับขี่ภายใต้สภาพอากาศและสภาพถนนที่หลากหลาย ทั่วโลก ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน มาพร้อมการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่สะท้อนความทรงพลัง มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่า และโครงสร้างเมกาเฟรมที่มีน้ำหนักเบา เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ มีพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งและสมรรถนะที่เป็นเลิศ พร้อมความประหยัดน้ำมัน ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของมิตซูบิชิ มอบความสวยงามผสานความสะดวกสบาย ใช้งานง่ายและทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เจนเนอเรชั่นที่ 6 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะปฏิวัติวงการรถกระบะและสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับรถกระบะระดับโลกอย่างแท้จริง

หนึ่งในรุ่นย่อยที่ได้รับการจัดแสดงคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ โดดเด่นด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งบึกบึน สไตล์เส้นสายแนวราบ และการผสมผสานไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เข้ากับไฟส่องสว่างหน้าแบบมัลติโปรเจคเตอร์ LED เพื่อความทันสมัยและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารไม่เพียงมีระบบชาร์จไร้สาย ยังมีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสคมชัดระดับ Full HD ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential – Brake Control Type) ระบบความปลอดภัยเพียบพร้อมด้วยถุงลม 7 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) รวมถึงระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA) นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ‘DIAMOND SENSE’ ประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation: FCM) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) และกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)

รุ่นดับเบิ้ลแค็บที่จัดแสดงอีกรุ่นหนึ่ง คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ 2.4 ไพร์ม ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ “SUPER SELECT 4WD II” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ นอกจากนี้ ยังเป็นรถกระบะคันแรกในประเทศไทยที่ผสานระบบ Active Yaw Control (AYC) ที่ช่วยเพิ่มความสมดุลขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะควบคุมการทำงานของล้อด้านในโค้งกับล้อด้านนอกโค้งให้หมุนสัมพันธ์กัน เพื่อรักษาเสถียรภาพการเข้าโค้งอย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับโหมดการขับขี่ 7 โหมด สิ่งเหล่านี้มอบความสามารถในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ดีเยี่ยมทั้งออนโรดและออฟโรด ทำให้มั่นใจ ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้นทุกการเดินทาง

อีกหนึ่งรุ่นย่อยคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ 2.4 โปร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD พร้อมระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential – Brake Control Type) ภายในห้องโดยสารมีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เบาะนั่งตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มระดับพรีเมียม ระบบความปลอดภัยได้แก่ถุงลม 3 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก(Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA) รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) สีภายนอกมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Solid White สีเงิน Blade Silver สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica

ภายในบูธยังมี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา “ออล วีล คอนโทรล” (All Wheel Control: AWC) สุดอัจฉริยะ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนจากแบบ 2 ล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้ในทันที แม้ในขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และยังสามารถคงการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้อย่างต่อเนื่องในความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างอย่างโดดเด่นจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั่วๆ ไป ทั้งยังช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนนและการทรงตัว ให้ควบคุมตัวรถได้ง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนน รวมถึงถนนที่เปียกหรือลื่น เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและรื่นรมย์ สุดมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าโดยเฉพาะขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และยังช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในขณะที่เดินทางระยะไกล ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สุดอัจฉริยะ ระดับตำนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นี้ ก็เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ใน ออล-นิว ไทรทัน เช่นกัน

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 MIVEC ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift ช่วงล่างโครงสร้างคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าพร้อมแผงตกแต่งใต้กันชนหน้าและหลังสีดำ ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-time All Wheel Control เพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีระบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน All-Round Advanced Safety Technology ภายในห้องโดยสารเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพกับระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mitsubishi Power Sound System เบาะหนังสังเคราะห์พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีระบบปรับอากาศ nanoeTMX ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ตลอดทุกเส้นทาง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส รถยนต์รุ่นยอดนิยมก็ได้รับการจัดแสดงภายในบูธเช่นกัน ผสานความสมบูรณ์แบบระหว่างดีไซน์ที่โดดเด่นและรองรับการใช้งานอย่างเต็มที่ นิยามของความลงตัวระหว่างรถเอสยูวีและรถครอสโอเวอร์ ใช้วัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมียมที่มอบสไตล์ที่สะดุดตาและความสปอร์ตทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสาร มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) มอบการขับขี่ที่มีเสถียรภาพด้วยการควบคุมพละกำลังและแรงดันเบรกทั้งล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง เพื่อยกระดับความปลอดภัยและการยึดเกาะถนน รวมถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน(Hill-Start Assist: HSA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (Emergency Stop Signal System: ESS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้างประตู และการปกป้องคนเดินถนน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 220 มม. ซึ่งสูงที่สุดในระดับเดียวกัน จึงเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวทันสมัยและผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญพิเศษ ‘Early Bird Package’ สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ภายในงานนี้ เพื่อเพิ่มความสนุกในการเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ก่อนใคร โดยสามารถเลือกรับฟรีอุปกรณ์ตกแต่งแท้หรือรับสิทธิพิเศษสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์เสริม สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษดังนี้

  • ฟรี ชุดแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งแท้ “TRAIL PACKAGE” สำหรับรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง และ 4WD
  • การสนับสนุนค่าใช้จ่าย “WHEEL & TIRE PACKAGE” สำหรับการซื้อและติดตั้งล้ออัลลอย และ/หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับรุ่นซิงเกิ้ล แค็บ

ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ A04 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่งาน Big Motor Sale 2023 ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2566 ที่ฮอลล์ EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและการทดลองขับ กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.co.th หรือติดต่อ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 02-079-9500

Previous
Next

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 5 รางวัล สถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นศูนย์ ประจำปี 2566 จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

กรุงเทพฯ – 23 สิงหาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด นำโดย นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปี 2566 (Zero Accident Campaign 2023) จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัลในพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในงานสัปดาห์ความปลอดภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35


ด้วยการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่มีมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปีนี้ทั้งหมด 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลระดับแพลทินัมสำหรับโรงงาน 3 รางวัลระดับทองสำหรับโรงงาน 1 และ 2 และโรงงานเครื่องยนต์ รวมถึงรางวัลระดับทองแดงสำหรับโรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก


โรงงาน 3 ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับแพลทินัม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเพื่อยกย่องการดำเนินงานที่มีชั่วโมงปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 29 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นเวลา 2 ปีต่อเนื่องกัน โรงงานเครื่องยนต์คว้ารางวัลโล่เกียรติยศระดับทองซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นจากรางวัลโล่เกียรติยศระดับเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ด้วยการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 10.6 ล้านชั่วโมงทำงาน โล่เกียรติยศระดับทองยังเป็นของโรงงาน 1 และ 2 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 47.1 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับทองแดง 2 รางวัล ได้แก่โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 1.1 ล้านชั่วโมงเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติกที่มีชั่วโมงการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 2.7 ล้านชั่วโมงต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3


นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ที่ได้รับในปีนี้มาจากความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน ซึ่งมีการค้นหาความเสี่ยงในที่ทำงานรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงแก้ไขโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและลดความเสี่ยงในบริเวณพื้นที่ทำงานทุกจุด เราดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รักษามาตรฐานความปลอดภัยและ มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ต่อไป”


“นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยของพนักงานในการเดินทางมายังที่ทำงานและกลับไปที่พักอาศัย เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของพนักงานในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ และจะเป็นต้นแบบสำคัญให้แต่ละโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายกิตติ เสริม


กิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Campaign) เป็นแนวคิดริเริ่มของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) มุ่งรณรงค์ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีความมุ่งมั่นในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า “อุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการทำงานสามารถป้องกันได้” โดยการลดสถิติการประสบอุบัติเหตุในสถานประกอบกิจการให้เป็นศูนย์ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

 

 

 

Previous
Next

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทุ่มงบลงทุนเปิดสายการผลิตใหม่! ควบคุมการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยหุ่นยนต์สุดไฮเทคและแม่นยำ

  กรุงเทพฯ – 7 สิงหาคม 2566 – บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุนและการเติบโตในประเทศไทย โดยเพิ่มการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล 200 (L200) ที่โรงงานแหลมฉบังเพื่อรองรับการส่งออกไปทั่วโลก สายการผลิตใหม่ของออล-นิว ไทรทัน ประกอบด้วยสายการผลิตเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ “สุดไฮเทค” เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึงร้อยละ 95 จากการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว เพื่อทำงานในจุดที่มีความเสี่ยงสูงหรือต้องการความแม่นยำสูงเกินความสามารถของมนุษย์ มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนให้ประเทศไทยเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งภูมิภาคมาอย่างยาวนาน เรามองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงดำเนินการผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นี่ เพื่อจำหน่ายส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มงบลงทุนในหลากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี โดยหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการทุ่มงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นโรงงานพ่นสีที่มีคุณภาพสูง โดยผสานการทำงานที่แม่นยำของเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ากับความพิถีพิถันของบุคลากรที่บรรจงสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต ทั้งยังมีระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้ระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตไฟฟ้าที่ 7 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง” การเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสายการผลิตรถกระบะอย่างเป็นรูปธรรมไปอีกขั้น โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยกระดับสายการผลิตใหม่ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง โดยมีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี “สายการผลิตอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์นี้ มีมาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหัวใจแห่งยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ด้วยการลงทุนที่ล้ำสมัย โดยในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุน การผลิต การส่งออก และส่งต่อความรู้และเทคโนโลยี โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ” มร. โคอิโตะ กล่าวเสริม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตแบบอัตโนมัติสำหรับออล-นิว ไทรทัน ด้วยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาทำหน้าที่ที่หลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ถึง 900 กิโลกรัม หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายชิ้นงาน แขนกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถหยิบจับชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว หุ่นยนต์พร้อมระบบตรวจสอบหัวเชื่อมอัตโนมัติ กล้องตรวจคุณภาพแนวซีลตะเข็บรถยนต์แบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ขันยึดแบบไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง และระบบบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ มร. เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบควบคุมอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตออล-นิว ไทรทัน เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่รถระดับโลกอย่างออล-นิว ไทรทัน มีต้นกำเนิดจากโรงงานแหลมฉบังของเราแห่งนี้ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับจากลูกค้า เราหวังว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุดของเรานี้จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรามากยิ่งขึ้น” ออล-นิว ไทรทัน ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อเติมเต็มและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมมอบความปลอดภัยและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ความสงบเงียบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง “ด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) รุ่นใหม่ เมกาเฟรมหรือโครงรถใหม่ ช่วงล่างใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายสูงสุดของห้องโดยสารทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการสร้างสรรค์รถกระบะที่ดีที่สุดในคลาส เพื่อให้ ออล-นิว ไทรทัน เติมเต็มความสนุกในการใช้ชีวิตและมอบอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพและใช้งานส่วนตัว เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในรูปแบบที่หลากหลาย ในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความสำเร็จและคุณค่าให้กับลูกค้าทั่วโลก” มร. โคอิโตะ กล่าวปิดท้าย [layerslider id=”2″]  

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ปฏิวัติวงการรถกระบะ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ปฏิวัติวงการรถกระบะ

จำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลกวันนี้! เตรียมเปิดตัวในญี่ปุ่น ต้นปี 2567

จากภาพ: มร. ทาคาโอะ คาโตะ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และมร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ “ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน” ณ งานเวิลด์พรีเมียร์ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย

กรุงเทพฯ – 26 กรกฎาคม 2566: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เปิดตัว “ออล-นิว

มิตซูบิชิ ไทรทัน” หรือ แอล 200 (L200) รถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันครั้งแรกในรอบ 9 ปี ณ งานเวิลด์พรีเมียร์ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย พร้อมประกาศราคาและเริ่มจำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลก ก่อนเตรียมเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียน และโอเชียเนีย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในช่วงต้นปี 2567

ดูข้อมูล “ออล-นิว ไทรทัน” เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์:
https://www.mitsubishi-motors.co.th/th/cars/all-newtriton

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถกระบะเป็นครั้งแรกในปี 2521 โดยในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ได้ผลิตรถกระบะมาแล้วกว่า 5.6 ล้านคัน ครอบคลุมทั้งหมด 5 เจนเนอเรชั่น วางจำหน่ายใน 150 ประเทศทั่วโลก จึงทำให้รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน นับเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทฯ โดย ออล-นิว ไทรทัน จะเป็นรถกระบะเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ปฏิวัติทุกอณู! พลิกโฉมทุกมิติ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ทั้งการพัฒนาเฟรมหรือโครงรถใหม่ แชสซีส์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “พลังแกร่งคู่ใจสายลุย” (Power for Adventure)

ฟีเจอร์เด่น ใน “ออล-นิว ไทรทัน”

  • ตัวถังดีไซน์ใหม่! ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พร้อมเฟรมหรือโครงรถที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ความแข็งแกร่งทนทานและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง และเครื่องยนต์ใหม่! ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
  • ช่วงล่างใหม่ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนนเป็นเลิศ ปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยเสถียรภาพการทรงตัวและการควบคุมรถที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบควบคุมการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การขับขี่บนสภาพถนนทุกรูปแบบ
  • รูปลักษณ์ด้านหน้า โดดเด่นด้วยดีไซน์แข็งแกร่งโฉบเฉี่ยว พร้อมห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างมีสไตล์ รองรับการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการแบบอเนกประสงค์
  • ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายสุดพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์

มร. ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “เราพัฒนาออล-นิว ไทรทัน ที่หลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อให้ตอบโจทย์ความเป็นรถระบะสำหรับคนยุคใหม่ โดยในทุกฟีเจอร์หลักของออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีสุดล้ำเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบด้วย เฟรม ตัวถัง และแชสซีส์ที่แข็งแกร่งทนทาน เครื่องยนต์ที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดังใจ รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม

ด้วยเป้าหมายการผลิตสูงสุด 200,000 คัน เพื่อจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน นับเป็นยานยนต์รุ่นสำคัญ เป็นขุมพลังขับเคลื่อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกรุ่นแรก ซึ่งเปิดตัวในยุคแห่งการเติบโต ขอให้ทุกท่านติดตามทุกย่างก้าวของเราที่มุ่งสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ นับจากวันนี้” มร. คาโตะ กล่าวเสริม

ทางด้าน มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคันโดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งโครงสร้างเมกาเฟรม ช่วงล่างที่มอบการควบคุมอย่างเหนือชั้น ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายสุดพรีเมียม พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ Hyper Power อันทรงพลัง เพื่อช่วยยกระดับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”

“ออล-นิว ไทรทัน ได้รับการผลิต และจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก เราหวังว่า ออล-นิว ไทรทัน จะมาปฏิวัติเพื่อเอาชนะความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ในตลาดเวลานี้ พร้อมกับช่วยยกระดับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดย ออล-นิว ไทรทัน จะประกอบไปด้วยรุ่นย่อยต่างๆ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มในตลาดรถกระบะ เนื่องจากได้รับการออกแบบและพัฒนาจากการศึกษาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวไทย ทั้งการใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์” มร. โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้นำเสนอแคมเปญพิเศษ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN) เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ต้องการเป็นเจ้าของออล-นิว ไทรทัน ก่อนเปิดตัว “แคมเปญนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าในประเทศไทยด้วยยอดจองมากกว่า 10,000 คัน ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และชื่อเสียงของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส” มร. โคอิโตะ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับตลาดประเทศไทย ออล-นิว ไทรทัน เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ณ โชว์รูมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ ในราคาที่สัมผัสได้แบบสุดคุ้ม ดังนี้:

รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 820,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,016,000 บาท


ไฮไลท์ข้อมูลผลิตภัณฑ์

ออล-นิว ไทรทัน มีตัวถังให้เลือกหลากหลายรูปแบบ รองรับความต้องการใช้งานที่แตกต่างกันของทั้ง 7 กลุ่มตลาดรถในประเทศไทย: ตัวถังดับเบิ้ล แค็บ มาพร้อมเบาะ 2 แถว มอบทั้งความสะดวกสบายแบบรถเอสยูวีและความอเนกประสงค์แบบรถกระบะ ขณะที่ตัวถังซิงเกิ้ล แค็บ (ตอนเดียว) มีเบาะคู่หน้า และตัวถังเมกะ แค็บ (ตอนครึ่ง) มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ ปรับเอนเบาะคู่หน้าได้สะดวกขึ้น ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร Hyper Power ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อมอบที่สุดของพละกำลังและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงสร้างรถ เมกาเฟรม ใหม่! รวมถึงช่วงล่าง และชิ้นส่วนอื่นๆ ล้วนได้รับสร้างสรรค์ขึ้นใหม่จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเอกสิทธิ์เฉพาะมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยฟีเจอร์พิเศษต่างๆ อาทิ โหมดการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

(1) เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหม่! และเครื่องยนต์ใหม่! ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า

โครงสร้างรถยนต์แบบขั้นบันไดที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีคานขวางที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เพิ่มความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งการต้านทานแรงดัด (Bending Rigidity) และเสริมความแข็งแกร่งเชิงบิด (Torsional Rigidity) โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High-tensile Steel) ในอัตราส่วนที่สูงขึ้น ไม่เพียงมอบสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายมากกว่าเดิม ออล-นิว ไทรทัน ยังมีความแข็งแรงสมบุกสมบันที่เหนือชั้น พร้อมรองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับและกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใหม่! ได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลังที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมติดตั้งระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ มอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสมมรรถนะ

ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport และระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์) ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ เพิ่มความสะดวกสบาย

(2) ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยช่วงล่างที่พัฒนาใหม่ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นเอกลักษณ์

ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งระบบ Super Select 4WD-II สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ และระบบ Easy Select 4WD สำหรับรุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ ที่มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง

ระบบ Super Select 4WD-II ในออล-นิว ไทรทัน มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่

2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) 4HLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4LLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะกับสถานการณ์และสภาพถนนทุกรูปแบบ

สำหรับระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่ด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ) ตอบโจทย์การใช้งานในเส้นทางที่หลากหลาย

ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ได้รับการติดตั้งพร้อมกับระบบ Super Select 4WD-II เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ที่ยกระดับความปลอดภัยการขับขี่อย่างเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ช่วยควบคุมการทรงตัวในการขับขี่บนทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) ป้องกันรถถอยหลังขณะออกตัวบนทางลาดชัน

ช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ด้วยโครงสร้างปีกนกสองชั้นที่ด้านหน้าซึ่งมีความทนทานแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แท่นยึดคานบนของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) และขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง (2WD High Rider) ได้รับการปรับตำแหน่งยึดเกาะให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มช่วงชักอีก 20 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนและความนุ่มนวลในการขับขี่ ช่วงล่างด้านหลังมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมความแข็งแกร่งโดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยโช้คอัพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ถึงแม้ตัวถังของ ออล-นิว ไทรทัน จะมีขนาดใหญ่บึกบึนยิ่งขึ้น แต่ยังคงรัศมีวงเลี้ยวที่แคบและคม เพื่อให้ควบคุมได้อย่างคล่องตัว และเสริมทัศนะวิสัยในการขับขี่ให้สะดวกและปลอดภัยขึ้นด้วยการออกแบบฝากระโปรงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นสายขอบฝากระโปรง ความปลอดภัยและความสะดวกสบายนับเป็นส่วนสำคัญที่ได้รับการพัฒนา

(3) แนวคิดการออกแบบ “บีสท์ โหมด” [Beast Mode]

ออล-นิว ไทรทัน ผสมผสานความปราดเปรียวเข้ากับการออกแบบที่แข็งแกร่งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตาพร้อมกับสะท้อนความบึกบึนและทรงพลังแบบฉบับรถกระบะที่แท้จริง

การออกแบบด้านหน้าตัวรถอันเป็นเอกลักษณ์ ไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) สะท้อนถึงสมรรถนะอันทรงพลัง เสริมความอุ่นใจในการปกป้องผู้โดยสารและตัวรถ ให้ความมั่นใจสูงสุด ยกระดับให้ ออล-นิว ไทรทัน เป็นรถกระบะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง จากการออกแบบกระจังหน้าและซุ้มล้อแบบสามมิติที่ดุดัน พร้อมกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรงสะท้อนถึงพลังที่อัดแน่น เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวดุจสายตาเหยี่ยว ผสานกับไฟส่องสว่างหน้า แบบสามมิติ ด้วยการออกแบบทั้งหมดนี้ทำให้ออล-นิว ไทรทัน เป็นกระบะที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวพร้อมสะกดทุกสายตา ขณะที่กระบะท้ายได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกการใช้งาน มั่นใจทุกการบรรทุกได้อย่างเต็มพิกัด ทุกอณูของการออกแบบได้สะท้อนความแข็งแกร่ง จากด้านหน้าจรดท้าย เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) ทั้งสองฝั่ง แสดงถึงความกว้างขวาง พร้อมสะท้อนความหนักแน่นแข็งแกร่ง

ทุกองค์ประกอบของตัวรถได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์เหนือระดับ ด้วยรูปทรงห้องโดยสารและสปอยเลอร์ท้ายที่เพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ สะดวกสบายด้วยบันไดข้างกว้างขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น

การออกแบบภายในห้องโดยสารและแผงควบคุม ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ด้วยเส้นตรงแนวราบและรูปทรงที่แข็งแกร่ง คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตและใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงการปกป้อง เสริมความสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย เติมเต็มความใส่ใจในทุกการออกแบบอย่างประณีต

นอกจากนี้ ออล-นิว ไทรทัน ยังได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับจอแสดงผลที่มองเห็นได้ชัดเจน โดยชุดมาตรวัดและสวิตช์ควบคุมต่างๆ ได้รับการออกแบบให้มองเห็นได้อย่างโดดเด่น และควบคุมได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือหนา ทั้งพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตู ล้วนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “มิตซูบิชิ ทัช” (Mitsubishi Touch) ซึ่งมุ่งเน้นที่ความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ

แผงคอนโซลกลางของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิลิตร ได้มากถึง 4 ขวด และเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบมืออาชีพ โดยในทุกพื้นที่ ทั้งกล่องเก็บของด้านหน้า ช่องวางสมาร์ทโฟน และช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือ นอกจากนี้ แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่อง USB-A และ USB-C สำหรับการชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

(4) ยกระดับสมรรถนะรถกระบะให้เหนือกว่า

ในส่วนกระบะตอนท้าย ได้รับการออกแบบให้ระยะความสูงของกระบะจากพื้น ต่ำลงจากรุ่นก่อน 45 มิลลิเมตร อยู่ที่ 820 มิลลิเมตร พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรมเพื่อให้วางเท้าและก้าวขึ้นกระบะได้อย่างสะดวกมากขึ้น

เบาะนั่งคู่หน้าได้รับการออกแบบให้ช่วยหนุนแผ่นหลังส่วนล่าง ขณะที่พื้นที่ช่วงไหล่มีรูปทรงเปิดกว้างเพื่อความสบายในการขยับตัว ช่วยลดความเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ระยะของเบาะที่ตรงกับตำแหน่งสะโพกได้รับการขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยปรับสรีระขณะขับขี่ให้อยู่ในท่าตรงโดยยังคงความคล่องตัวสะดวกสบายตามหลักสรีระศาสตร์ ทั้งพัฒนาเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นเส้นทางได้สะดวกจากภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ การเข้าและออกจากห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้นด้วยการออกแบบเสาด้านหน้าใหม่ ที่เป็นแนวตรงมากขึ้น ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่บันไดข้างให้ใหญ่ขึ้น ลดโอกาสลื่นไถล ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม

ออล-นิว ไทรทัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด อาทิ

– ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM)

– ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA)

– ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)

ตลอดจนระบบอื่น ๆ

นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ออกแบบ ออล-นิว ไทรทัน ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งมากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะป้องกันพื้นผิวสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ จนถึงการตกแต่งในสไตล์รถส่วนตัว เช่น สปอร์ตบาร์ ชุดตกแต่งซุ้มล้อบังโคลน และคิ้วกันกระแทกประตูที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งทรงพลัง ตราสัญลักษณ์ที่กระจังหน้าเติมเต็มความสะดุดตา และพื้นปูกระบะซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในรถกระบะก็มีให้เลือกเช่นกัน

“Mitsubishi Xpander CROSS” รถ 7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัว

สำหรับครอบครัวที่กำลังมองหารถ 7 ที่นั่งราคาไม่ถึงล้าน ยังมีรถในกลุ่ม MPV พิกัดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่น่าสนใจก็คือ “Mitsubishi Xpander CROSS” โดยมีการปรับรูปลักษณ์ให้มีส่วนผสมของความเป็นรถเอสยูวีเข้าไป ประกอบกับช่วงล่างแบบยกสูงที่ช่วยให้รุ่น CROSS มีความสูงจากพื้นถนนถึง 220 มิลลิเมตรเทียบเท่ากับรถเอสยูวีแท้ๆ

รูปลักษณ์ภายนอกของ Mitsubishi Xpander CROSS ยังคงเอกลักษณ์การออกแบบ “Dynamic Shield” มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED ที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปตัว T และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เรียงสวยงามด้านบน พร้อมด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด 

ส่วนด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED ที่ส่องสว่างเป็นรูปตัว T ในยามค่ำคืน มาพร้อมไฟเบรกที่เปลี่ยนเป็นแบบ LED ให้ความสว่างมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัย รวมถึงกันชนท้ายที่ถูกออกแบบเพื่อให้ดูเข้ากับรูปลักษณ์ด้านหน้า ล้ออัลลอยของ Xpander CROSS มีขนาด 17 นิ้ว

 

ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Xpander Cross (2023) ยังคงมาในแบบ 3แถว 7ที่นั่ง กว้างขวางสะดวกสบาย ตกแต่งเน้นความหรูหรา เบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน คุณสมบัติสะท้อนความร้อน คอนโซลดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ใหม่ พร้อมสวิตซ์ควบคุมระบบล็อกความเร็ว สวิตซ์ความคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีมากมาย อาทิเช่น หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9นิ้ว รองรับ Bluetooth เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5

Mitsubishi Xpander Cross (2023) ใหม่! ยังยกระดับความปลอดภัย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ ปลอดภัยกว่าด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตู ด้วยระยะความสูงจากพื้น 220 มิลลิเมตร ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆในประเภทเดียวกัน ทัศนวิสัยที่ดีและการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ ให้ความนุ่มนวล นั่งสบาย และยึดเกาะถนนเป็นอย่างดี มั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน

เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Xpander Cross (2023) ใหม่! เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT ตอบสนองการทำงานกับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

Mitsubishi Xpander Cross (2023) ใหม่! วางจำหน่ายที่ราคา 946,000 บาท ราคาเหมาะสำหรับครอบครับ ที่ต้องการเปลี่ยนรถอีโคคาร์หรือรถขนาดเล็ก มาเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับการใช้งานได้เพิ่มขึ้นหลากหลายกว่า

 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จับมือกรุงศรี ออโต้ และ ทีทีบีไดรฟ์ มอบข้อเสนอสุดพิเศษ ฟรีดาวน์ พร้อมผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับกรุงศรี ออโต้ และทีทีบีไดรฟ์ โดยทีเอ็มบีธนชาต มอบข้อเสนอสุดพิเศษ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ พร้อมผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อกรุงศรี ออโต้ และลูกค้าสินเชื่อทีทีบีไดรฟ์ เมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นใดก็ได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การนำเสนอแคมเปญพิเศษระหว่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กรุงศรี ออโต้ และ ทีทีบีไดรฟ์ ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งของเราในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า นอกเหนือจากข้อเสนอที่ดึงดูดใจแล้ว ลูกค้าของเรายังมั่นใจได้ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการด้านการขายและบริการหลังการขายอันเยี่ยมยอด ผ่านศูนย์บริการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส 216 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด ‘รถดี บริการดี ราคาขายต่อดี’ อีกด้วย”

ข้อเสนอพิเศษจากความร่วมมือของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กรุงศรี ออโต้ และ ทีทีบีไดรฟ์ประกอบด้วย เงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 0 เปอร์เซ็นต์* พร้อมสิทธิ์ผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 84 เดือน* โดยลูกค้าที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อกับกรุงศรี ออโต้ (ยกเว้น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย) ยังได้สิทธิ์รับเพิ่ม คะแนน The 1 จำนวน 20,000 คะแนน (มูลค่า 2,500 บาท) ขณะที่ลูกค้าที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อกับทีทีบีไดรฟ์ สามารถซื้อรถยนต์ได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน พร้อมรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ร้อยละ 0.20 เมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นใดก็ได้ ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้ 

 

รู้หรือไม่ว่า เครดิตบูโร ไม่ใช่แบล็คลิสต์ คนอยากมีรถมักเข้าใจผิด!

“เครดิตบูโร vs แบล็คลิสต์” มีความหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คนที่ต้องการซื้อรถยนต์ในรูปแบบของการผ่อนชำระ มีการกู้สินเชื่อรถยนต์ อาจมีข้อสงสัยในคำว่า เครดิตบูโรและแบล็คลิสต์ว่ามันคืออะไร

เครดิตบูโร คืออะไร

เครดิตบูโร คือชื่อเรียกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) เป็นองค์กรกลางที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลเครดิตต่างๆเอาไว้ หรือที่รู้จักกันว่า เครดิตบูโร ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประวัติการเป็นหนี้ ประวัติการชำระหนี้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มาจากสถาบันทางการเงินทั้งที่เป็นธนาคาร และไม่ใช่ธนาคาร ที่เป็นสมาชิกหรือบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาดูข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินเชื่อ บัตรเครดิต และพฤติกรรมทางการเงินได้ 

ทางสถาบันการเงินจะขอดูเพื่อพิจารณาในการอนุมัติ หากพบว่ามีการผิดชำระ หรือมีประวัติชำระล่าช้า ก็จะไปปรากฏอยู่ในรายงานเครดิตบูโร เป็นสิทธิและอำนาจของสถาบันการเงิน ในส่วนนี้เครดิตบูโรไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

แบล็คลิสต์ คืออะไร

การติดแบล็คลิสต์คือ การที่บุคคลใดก็ตามมีประวัติในการชำระหนี้ในระบบของสถาบันการเงินต่างๆ ล่าช้ามากเกินไป ไม่ตรงตามกำหนด หรือมีติดหนี้บัตรเครดิตคงค้างเกิน 90 วัน แม้แต่การพักชำระหนี้ก็จะถูกระบุไว้เช่นกัน ทางเครดิตบูโรมีหน้าที่รายงานความเคลื่อนไหวของข้อมูลเครดิต ส่งผลให้บุคคลนั้นถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อหรือบัตรเครดิตในครั้งต่อไป ไม่ว่าจะยื่นกับธนาคารหรือสถาบันการเงินใดก็ตาม โดยข้อมูลจะถูกเก็บไว้ 3 ปี ถึงจะทำการขอสินเชื่อใหม่ได้

สรุปความแตกต่างได้ว่าเครดิตบูโรและแบล็คลิสต์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน โดยเครดิตบูโรเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลจากสถาบันการเงินต่างๆที่เป็นสมาชิก เมื่อมีบุคคลยื่นขอสินเชื่อ ทางสถาบันการเงินก็จะขอเรียกดูรายงาน โดยระบบเครดิตบูโรจะไม่มีคำว่า แบล็คลิส หรือรายงานว่าลูกหนี้คนใดติดแบล็คลิสในระบบ ที่หลายๆคนมักจะเข้าใจผิดนั่นเอง

ขณะรถวิ่ง เผลอกดปุ่ม Push Start จะเป็นอะไรไหม?

ปุ่ม Push Start ทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์ และเปิดระบบการทำงานต่างๆ ภายในรถยนต์ ทำงานคู่กับกุญแจ Smart Key หากไม่มีกุญแจ Smart Key จะไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้

ปุ่ม Push Start จะทำงานควบคู่กับกุญแจ Smart Key มีวิธีใช้งานอยู่ 3 รูปแบบ

  • กดปุ่ม Push Start 1 ครั้ง เป็นการเปิดวิทยุหรือระบบเครื่องยนต์ (เหมือนการบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ACC)
  • กดปุ่ม Push Start 2 ครั้ง เป็นการเปิดระบบไฟฟ้าภายในรถ รวมถึงไฟเตือนสถานะต่างๆ จะขึ้นโชว์ที่จอหน้าปัดและดับลง (เหมือนการบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON)
  • กดปุ่ม Push Start 3 ครั้ง เป็นการปิดระบบไฟ แต่ถ้าเหยียบเบรก แล้วกดปุ่ม Push Start ไปพร้อมกันด้วย จะเป็นการสตาร์ทรถ

ขณะรถวิ่งอยู่หากเผลอกดปุ่ม Push Start แล้วรีบปล่อยออกโดยทันที จะไม่ทำให้เครื่องยนต์ดับ แต่ถ้าหากกดปุ่ม Push Start ค้างไว้ประมาณ 2-3 วินาที เครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าภายในรถจะดับทันที เนื่องจากตัวรถมองว่าคุณมีเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องดับเครื่องยนต์ลง แม้ขณะที่รถกำลังวิ่ง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะเมื่อระบบต่างๆภายในรถหยุดทำงาน จะทำให้พวงมาลัยหนักขึ้น ควบคุมรถได้ยาก ขณะที่แป้นเบรกจะกดได้เพียง 1-2 ครั้ง จากนั้นเบรกจะใช้งานไม่ได้ เพราะปั๊มเบรกไม่ทำงาน จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

หากเครื่องยนต์ดับ ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้รีบผลักคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N เท่านั้น ห้ามผลักไปตำแหน่ง P โดยเด็ดขาด เหยียบเบรกให้ลึกพอให้ไฟเบรกสว่าง จากนั้นกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะกลับมาติดอีกครั้ง หรือหากสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรก็ควรนำรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัยเสียก่อน หลีกเลี่ยงการใช้เบรกถ้าไม่จำเป็น เพื่อให้รถมีแรงเฉี่อยมากพอจะประคองรถต่อได้ เมื่อรถหยุดนิ่งสนิทแล้วก็ค่อยติดเครื่องยนต์อีกครั้ง

วิธีแก้ปัญหา ขี้นก-รอยขนแมว ง่ายๆก่อนคราบฝังแน่น

ปัญหาที่รถแทบทุกคันต้องเคยเจอคือ “นกขี้ใส่รถ” ไม่ว่าจะจอดไว้กลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ ซึ่งหากปล่อยให้เลอะอยู่นานๆ โดยไม่ล้างออกทันที อาจทำให้เกิดรอยขี้นกฝังแน่น คราบติดล้างไม่ออกซึ่งเป็นอันตรายกับสีของรถยนต์ได้ เนื่องจากในขี้นกมีความเป็นกรดหรือด่างสูง จะส่งผลให้ชั้นเคลือบผิวสีรถเกิดความเสียหายได้

วิธีทำความสะอาดขี้นกที่ถูกต้อง

  1. ล้างออกด้วยน้ำเปล่า ใช้ฟองน้ำล้างรถหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาดๆ เช็ดบริเวณที่นกขี้ใส่ หรือใช้สายยางฉีดร่วมด้วยก็ได้
  2. นำเบกกิ้งโซดา น้ำยาล้างจาน ผสมน้ำอุ่น ใส่ขวดสเปรย์ฉีดบริเวณที่นกขี้ใส่ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า และเช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ 
  3. ใช้สเปร์ทำความสะอาดพื้นผิวรถยนต์ เพียงฉีดลงบนบริเวณที่นกขี้ใส่ และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดตาม คราบสกปรกก็จะหลุดออก การใช้สเปร์มีข้อดีคือ มั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อสีรถยนต์อย่างแน่นอน
  4. หากยังมีขี้นกฝังแน่น หรือมีขี้นกจำนวนมาก ควรเลือกใช้บริการร้านทำความสะอาด เพราะทางร้านจะมีการ ล้าง ขัด เคลือบสีด้วย

อีกหนึ่งปัญหากวนใจคือ “รอยขนแมว” คือรอยขีดข่วนขนาดเล็กมีลักษณะเป็นเส้นๆ วงๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวสีของรถยนต์ เกิดจากการขูดขีดของวัสดุที่แข็งกว่าชั้นเคลือบสีของรถ ซึ่งรอยดังกล่าวมักมองเห็นได้ง่ายในรถยนต์ที่เป็นสีเข้ม เช่น สีดำ สีน้ำเงิน เป็นต้น

วิธีป้องกันและแก้ปัญหารอยขนแมว บนผิวรถยนต์

  1. เลือกผ้าเช็ดรถและอุปกรณ์ในการทำความสะอาดให้เหมาะสม เช่นเลือกใช้ผ้าชามัวร์หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถดูดซึมซับฝุ่นละออง เศษสิ่งสกปรก คราบน้ำได้ดีกว่าผ้าทั่วไป 
  2. ล้างรถให้ถูกขั้นตอน ควรฉีดน้ำเพื่อไล่เศษฝุ่น และสิ่งสกปรกออกจากสีผิวรถก่อนทุกครั้ง โดยไล่จากหลังคารถด้านบนลงมาด้านล่าง ใช้ฟองน้ำกับน้ำยาล้างรถทำความสะอาดคราบสกปรก เมื่อล้างด้วยน้ำยาแล้ว ควรล้างด้วยน้ำสะอาดต่อทันที
  3. ดูแลรักษาผิวรถยนต์ โดยการเคลือบแว๊กซ์ หรือพวกน้ำยาเคลือบสีรถเป็นประจำ สามารถช่วยเพิ่มชั้นความหนาป้องกันรอยขนแมวได้ระดับหนึ่ง รวมถึงการเคลือบแก้วนับเป็นวิธีดูแลสีรถที่ดีที่สุด หากมีสิ่งแข็งมาสัมผัสโดนผิวรถก็จะไม่เกิดรอย นอกจากจะทำให้สีรถเงางามยังช่วยให้น้ำไม่เกาะที่ผิวรถ จึงช่วยลดคราบฝังแน่นบนสีรถได้ และทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว Mitsubishi Xpander Cross 2023 ใหม่!

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว  Mitsubishi Xpander Cross 2023 รถยนต์เอสยูวี 7ที่นั่ง รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่า ‘Live Fife Adventure’ เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่มุมเดียว

 

ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยวหรูหรา ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield พร้อมชุดไฟหน้าแบบ LED ทั้งระบบ ทั้งชุดไฟหน้า ไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก รวมถึงเปลี่ยนชุดไฟตัดหมอกจากเดิมทรงกลมมาเป็นแบบทรงสี่เหลี่ยมแบบใหม่ กันชนหน้าเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้ใหญ่ขึ้น  เสริมความโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยสปอร์ตทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางที่ใหญ่ขึ้น และซุ้มล้อแบบ “ครอสดีไซน์” สุดเท่ไม่ซ้ำใคร ยังเพิ่มความเฉียบคมภายนอกด้วยหลังคาสีดำ และราวหลังคาสีดำ 

สีตัวถังมีให้เลือก 4 สี  คือ สีเขียว, สีขาวมุก, สีเงิน  และ สีเทา

มีสีทูโทนอีก 2 สไตล์ คือ สีเขียวหลังคาดำ และ สีขาวหลังคาดำ

ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Xpander Cross 2023 ยังคงมาในแบบ 3แถว 7ที่นั่ง กว้างขวางสะดวกสบาย ตกแต่งเน้นความหรูหรา เบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน คุณสมบัติสะท้อนความร้อน คอนโซลดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ใหม่ พร้อมสวิตซ์ควบคุมระบบล็อกความเร็ว สวิตซ์ความคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีมากมาย อาทิเช่น หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9นิ้ว รองรับ Bluetooth เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5

Mitsubishi Xpander Cross 2023  ยังยกระดับความปลอดภัย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ ปลอดภัยกว่าด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตู ด้วยระยะความสูงจากพื้น 220 มิลลิเมตร ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆในประเภทเดียวกัน ทัศนวิสัยที่ดีและการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ ให้ความนุ่มนวล นั่งสบาย และยึดเกาะถนนเป็นอย่างดี มั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน

เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Xpander Cross 2023  เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT ตอบสนองการทำงานกับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

Mitsubishi Xpander Cross 2023 ใหม่! วางจำหน่ายที่ราคา 946,000 บาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7,000 บาทจากรุ่นเดิม