เรื่อง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 5 รางวัล สถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นศูนย์ ประจำปี 2566 จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

กรุงเทพฯ – 23 สิงหาคม 2566: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด นำโดย นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปี 2566 (Zero Accident Campaign 2023) จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัลในพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในงานสัปดาห์ความปลอดภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35


ด้วยการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่มีมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปีนี้ทั้งหมด 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลระดับแพลทินัมสำหรับโรงงาน 3 รางวัลระดับทองสำหรับโรงงาน 1 และ 2 และโรงงานเครื่องยนต์ รวมถึงรางวัลระดับทองแดงสำหรับโรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก


โรงงาน 3 ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับแพลทินัม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเพื่อยกย่องการดำเนินงานที่มีชั่วโมงปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 29 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นเวลา 2 ปีต่อเนื่องกัน โรงงานเครื่องยนต์คว้ารางวัลโล่เกียรติยศระดับทองซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นจากรางวัลโล่เกียรติยศระดับเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ด้วยการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 10.6 ล้านชั่วโมงทำงาน โล่เกียรติยศระดับทองยังเป็นของโรงงาน 1 และ 2 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 47.1 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับทองแดง 2 รางวัล ได้แก่โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 1.1 ล้านชั่วโมงเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติกที่มีชั่วโมงการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 2.7 ล้านชั่วโมงต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3


นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ที่ได้รับในปีนี้มาจากความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน ซึ่งมีการค้นหาความเสี่ยงในที่ทำงานรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงแก้ไขโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและลดความเสี่ยงในบริเวณพื้นที่ทำงานทุกจุด เราดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รักษามาตรฐานความปลอดภัยและ มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ต่อไป”


“นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยของพนักงานในการเดินทางมายังที่ทำงานและกลับไปที่พักอาศัย เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของพนักงานในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ และจะเป็นต้นแบบสำคัญให้แต่ละโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายกิตติ เสริม


กิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Campaign) เป็นแนวคิดริเริ่มของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) มุ่งรณรงค์ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีความมุ่งมั่นในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า “อุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการทำงานสามารถป้องกันได้” โดยการลดสถิติการประสบอุบัติเหตุในสถานประกอบกิจการให้เป็นศูนย์ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

 

 

 

Previous
Next

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทุ่มงบลงทุนเปิดสายการผลิตใหม่! ควบคุมการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยหุ่นยนต์สุดไฮเทคและแม่นยำ

  กรุงเทพฯ – 7 สิงหาคม 2566 – บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุนและการเติบโตในประเทศไทย โดยเพิ่มการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล 200 (L200) ที่โรงงานแหลมฉบังเพื่อรองรับการส่งออกไปทั่วโลก สายการผลิตใหม่ของออล-นิว ไทรทัน ประกอบด้วยสายการผลิตเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ “สุดไฮเทค” เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึงร้อยละ 95 จากการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว เพื่อทำงานในจุดที่มีความเสี่ยงสูงหรือต้องการความแม่นยำสูงเกินความสามารถของมนุษย์ มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนให้ประเทศไทยเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งภูมิภาคมาอย่างยาวนาน เรามองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงดำเนินการผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นี่ เพื่อจำหน่ายส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มงบลงทุนในหลากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี โดยหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการทุ่มงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นโรงงานพ่นสีที่มีคุณภาพสูง โดยผสานการทำงานที่แม่นยำของเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ากับความพิถีพิถันของบุคลากรที่บรรจงสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต ทั้งยังมีระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้ระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตไฟฟ้าที่ 7 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง” การเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสายการผลิตรถกระบะอย่างเป็นรูปธรรมไปอีกขั้น โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยกระดับสายการผลิตใหม่ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง โดยมีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี “สายการผลิตอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์นี้ มีมาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหัวใจแห่งยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ด้วยการลงทุนที่ล้ำสมัย โดยในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุน การผลิต การส่งออก และส่งต่อความรู้และเทคโนโลยี โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ” มร. โคอิโตะ กล่าวเสริม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตแบบอัตโนมัติสำหรับออล-นิว ไทรทัน ด้วยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาทำหน้าที่ที่หลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ถึง 900 กิโลกรัม หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายชิ้นงาน แขนกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถหยิบจับชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว หุ่นยนต์พร้อมระบบตรวจสอบหัวเชื่อมอัตโนมัติ กล้องตรวจคุณภาพแนวซีลตะเข็บรถยนต์แบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ขันยึดแบบไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง และระบบบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ มร. เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบควบคุมอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตออล-นิว ไทรทัน เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่รถระดับโลกอย่างออล-นิว ไทรทัน มีต้นกำเนิดจากโรงงานแหลมฉบังของเราแห่งนี้ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับจากลูกค้า เราหวังว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุดของเรานี้จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรามากยิ่งขึ้น” ออล-นิว ไทรทัน ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อเติมเต็มและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมมอบความปลอดภัยและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ความสงบเงียบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง “ด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) รุ่นใหม่ เมกาเฟรมหรือโครงรถใหม่ ช่วงล่างใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายสูงสุดของห้องโดยสารทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการสร้างสรรค์รถกระบะที่ดีที่สุดในคลาส เพื่อให้ ออล-นิว ไทรทัน เติมเต็มความสนุกในการใช้ชีวิตและมอบอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพและใช้งานส่วนตัว เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในรูปแบบที่หลากหลาย ในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความสำเร็จและคุณค่าให้กับลูกค้าทั่วโลก” มร. โคอิโตะ กล่าวปิดท้าย [layerslider id=”2″]  

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ปฏิวัติวงการรถกระบะ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ปฏิวัติวงการรถกระบะ

จำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลกวันนี้! เตรียมเปิดตัวในญี่ปุ่น ต้นปี 2567

จากภาพ: มร. ทาคาโอะ คาโตะ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และมร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ “ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน” ณ งานเวิลด์พรีเมียร์ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย

กรุงเทพฯ – 26 กรกฎาคม 2566: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เปิดตัว “ออล-นิว

มิตซูบิชิ ไทรทัน” หรือ แอล 200 (L200) รถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันครั้งแรกในรอบ 9 ปี ณ งานเวิลด์พรีเมียร์ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย พร้อมประกาศราคาและเริ่มจำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลก ก่อนเตรียมเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียน และโอเชียเนีย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในช่วงต้นปี 2567

ดูข้อมูล “ออล-นิว ไทรทัน” เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์:
https://www.mitsubishi-motors.co.th/th/cars/all-newtriton

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถกระบะเป็นครั้งแรกในปี 2521 โดยในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ได้ผลิตรถกระบะมาแล้วกว่า 5.6 ล้านคัน ครอบคลุมทั้งหมด 5 เจนเนอเรชั่น วางจำหน่ายใน 150 ประเทศทั่วโลก จึงทำให้รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน นับเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทฯ โดย ออล-นิว ไทรทัน จะเป็นรถกระบะเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ปฏิวัติทุกอณู! พลิกโฉมทุกมิติ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ทั้งการพัฒนาเฟรมหรือโครงรถใหม่ แชสซีส์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “พลังแกร่งคู่ใจสายลุย” (Power for Adventure)

ฟีเจอร์เด่น ใน “ออล-นิว ไทรทัน”

  • ตัวถังดีไซน์ใหม่! ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พร้อมเฟรมหรือโครงรถที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ความแข็งแกร่งทนทานและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง และเครื่องยนต์ใหม่! ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
  • ช่วงล่างใหม่ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนนเป็นเลิศ ปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยเสถียรภาพการทรงตัวและการควบคุมรถที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบควบคุมการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การขับขี่บนสภาพถนนทุกรูปแบบ
  • รูปลักษณ์ด้านหน้า โดดเด่นด้วยดีไซน์แข็งแกร่งโฉบเฉี่ยว พร้อมห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างมีสไตล์ รองรับการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการแบบอเนกประสงค์
  • ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายสุดพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์

มร. ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “เราพัฒนาออล-นิว ไทรทัน ที่หลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อให้ตอบโจทย์ความเป็นรถระบะสำหรับคนยุคใหม่ โดยในทุกฟีเจอร์หลักของออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีสุดล้ำเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบด้วย เฟรม ตัวถัง และแชสซีส์ที่แข็งแกร่งทนทาน เครื่องยนต์ที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดังใจ รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม

ด้วยเป้าหมายการผลิตสูงสุด 200,000 คัน เพื่อจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน นับเป็นยานยนต์รุ่นสำคัญ เป็นขุมพลังขับเคลื่อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกรุ่นแรก ซึ่งเปิดตัวในยุคแห่งการเติบโต ขอให้ทุกท่านติดตามทุกย่างก้าวของเราที่มุ่งสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ นับจากวันนี้” มร. คาโตะ กล่าวเสริม

ทางด้าน มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคันโดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งโครงสร้างเมกาเฟรม ช่วงล่างที่มอบการควบคุมอย่างเหนือชั้น ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายสุดพรีเมียม พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ Hyper Power อันทรงพลัง เพื่อช่วยยกระดับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”

“ออล-นิว ไทรทัน ได้รับการผลิต และจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก เราหวังว่า ออล-นิว ไทรทัน จะมาปฏิวัติเพื่อเอาชนะความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ในตลาดเวลานี้ พร้อมกับช่วยยกระดับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดย ออล-นิว ไทรทัน จะประกอบไปด้วยรุ่นย่อยต่างๆ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มในตลาดรถกระบะ เนื่องจากได้รับการออกแบบและพัฒนาจากการศึกษาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวไทย ทั้งการใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์” มร. โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้นำเสนอแคมเปญพิเศษ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN) เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ต้องการเป็นเจ้าของออล-นิว ไทรทัน ก่อนเปิดตัว “แคมเปญนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าในประเทศไทยด้วยยอดจองมากกว่า 10,000 คัน ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และชื่อเสียงของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส” มร. โคอิโตะ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับตลาดประเทศไทย ออล-นิว ไทรทัน เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ณ โชว์รูมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ ในราคาที่สัมผัสได้แบบสุดคุ้ม ดังนี้:

รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 820,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,016,000 บาท


ไฮไลท์ข้อมูลผลิตภัณฑ์

ออล-นิว ไทรทัน มีตัวถังให้เลือกหลากหลายรูปแบบ รองรับความต้องการใช้งานที่แตกต่างกันของทั้ง 7 กลุ่มตลาดรถในประเทศไทย: ตัวถังดับเบิ้ล แค็บ มาพร้อมเบาะ 2 แถว มอบทั้งความสะดวกสบายแบบรถเอสยูวีและความอเนกประสงค์แบบรถกระบะ ขณะที่ตัวถังซิงเกิ้ล แค็บ (ตอนเดียว) มีเบาะคู่หน้า และตัวถังเมกะ แค็บ (ตอนครึ่ง) มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ ปรับเอนเบาะคู่หน้าได้สะดวกขึ้น ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร Hyper Power ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อมอบที่สุดของพละกำลังและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงสร้างรถ เมกาเฟรม ใหม่! รวมถึงช่วงล่าง และชิ้นส่วนอื่นๆ ล้วนได้รับสร้างสรรค์ขึ้นใหม่จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเอกสิทธิ์เฉพาะมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยฟีเจอร์พิเศษต่างๆ อาทิ โหมดการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

(1) เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหม่! และเครื่องยนต์ใหม่! ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า

โครงสร้างรถยนต์แบบขั้นบันไดที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีคานขวางที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เพิ่มความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งการต้านทานแรงดัด (Bending Rigidity) และเสริมความแข็งแกร่งเชิงบิด (Torsional Rigidity) โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High-tensile Steel) ในอัตราส่วนที่สูงขึ้น ไม่เพียงมอบสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายมากกว่าเดิม ออล-นิว ไทรทัน ยังมีความแข็งแรงสมบุกสมบันที่เหนือชั้น พร้อมรองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับและกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใหม่! ได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลังที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมติดตั้งระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ มอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสมมรรถนะ

ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport และระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์) ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ เพิ่มความสะดวกสบาย

(2) ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยช่วงล่างที่พัฒนาใหม่ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นเอกลักษณ์

ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งระบบ Super Select 4WD-II สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ และระบบ Easy Select 4WD สำหรับรุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ ที่มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง

ระบบ Super Select 4WD-II ในออล-นิว ไทรทัน มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่

2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) 4HLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4LLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะกับสถานการณ์และสภาพถนนทุกรูปแบบ

สำหรับระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่ด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ) ตอบโจทย์การใช้งานในเส้นทางที่หลากหลาย

ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ได้รับการติดตั้งพร้อมกับระบบ Super Select 4WD-II เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ที่ยกระดับความปลอดภัยการขับขี่อย่างเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ช่วยควบคุมการทรงตัวในการขับขี่บนทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) ป้องกันรถถอยหลังขณะออกตัวบนทางลาดชัน

ช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ด้วยโครงสร้างปีกนกสองชั้นที่ด้านหน้าซึ่งมีความทนทานแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แท่นยึดคานบนของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) และขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง (2WD High Rider) ได้รับการปรับตำแหน่งยึดเกาะให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มช่วงชักอีก 20 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนและความนุ่มนวลในการขับขี่ ช่วงล่างด้านหลังมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมความแข็งแกร่งโดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยโช้คอัพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ถึงแม้ตัวถังของ ออล-นิว ไทรทัน จะมีขนาดใหญ่บึกบึนยิ่งขึ้น แต่ยังคงรัศมีวงเลี้ยวที่แคบและคม เพื่อให้ควบคุมได้อย่างคล่องตัว และเสริมทัศนะวิสัยในการขับขี่ให้สะดวกและปลอดภัยขึ้นด้วยการออกแบบฝากระโปรงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นสายขอบฝากระโปรง ความปลอดภัยและความสะดวกสบายนับเป็นส่วนสำคัญที่ได้รับการพัฒนา

(3) แนวคิดการออกแบบ “บีสท์ โหมด” [Beast Mode]

ออล-นิว ไทรทัน ผสมผสานความปราดเปรียวเข้ากับการออกแบบที่แข็งแกร่งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตาพร้อมกับสะท้อนความบึกบึนและทรงพลังแบบฉบับรถกระบะที่แท้จริง

การออกแบบด้านหน้าตัวรถอันเป็นเอกลักษณ์ ไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) สะท้อนถึงสมรรถนะอันทรงพลัง เสริมความอุ่นใจในการปกป้องผู้โดยสารและตัวรถ ให้ความมั่นใจสูงสุด ยกระดับให้ ออล-นิว ไทรทัน เป็นรถกระบะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง จากการออกแบบกระจังหน้าและซุ้มล้อแบบสามมิติที่ดุดัน พร้อมกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรงสะท้อนถึงพลังที่อัดแน่น เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวดุจสายตาเหยี่ยว ผสานกับไฟส่องสว่างหน้า แบบสามมิติ ด้วยการออกแบบทั้งหมดนี้ทำให้ออล-นิว ไทรทัน เป็นกระบะที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวพร้อมสะกดทุกสายตา ขณะที่กระบะท้ายได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกการใช้งาน มั่นใจทุกการบรรทุกได้อย่างเต็มพิกัด ทุกอณูของการออกแบบได้สะท้อนความแข็งแกร่ง จากด้านหน้าจรดท้าย เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) ทั้งสองฝั่ง แสดงถึงความกว้างขวาง พร้อมสะท้อนความหนักแน่นแข็งแกร่ง

ทุกองค์ประกอบของตัวรถได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์เหนือระดับ ด้วยรูปทรงห้องโดยสารและสปอยเลอร์ท้ายที่เพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ สะดวกสบายด้วยบันไดข้างกว้างขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น

การออกแบบภายในห้องโดยสารและแผงควบคุม ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ด้วยเส้นตรงแนวราบและรูปทรงที่แข็งแกร่ง คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตและใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงการปกป้อง เสริมความสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย เติมเต็มความใส่ใจในทุกการออกแบบอย่างประณีต

นอกจากนี้ ออล-นิว ไทรทัน ยังได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับจอแสดงผลที่มองเห็นได้ชัดเจน โดยชุดมาตรวัดและสวิตช์ควบคุมต่างๆ ได้รับการออกแบบให้มองเห็นได้อย่างโดดเด่น และควบคุมได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือหนา ทั้งพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตู ล้วนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “มิตซูบิชิ ทัช” (Mitsubishi Touch) ซึ่งมุ่งเน้นที่ความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ

แผงคอนโซลกลางของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิลิตร ได้มากถึง 4 ขวด และเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบมืออาชีพ โดยในทุกพื้นที่ ทั้งกล่องเก็บของด้านหน้า ช่องวางสมาร์ทโฟน และช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือ นอกจากนี้ แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่อง USB-A และ USB-C สำหรับการชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

(4) ยกระดับสมรรถนะรถกระบะให้เหนือกว่า

ในส่วนกระบะตอนท้าย ได้รับการออกแบบให้ระยะความสูงของกระบะจากพื้น ต่ำลงจากรุ่นก่อน 45 มิลลิเมตร อยู่ที่ 820 มิลลิเมตร พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรมเพื่อให้วางเท้าและก้าวขึ้นกระบะได้อย่างสะดวกมากขึ้น

เบาะนั่งคู่หน้าได้รับการออกแบบให้ช่วยหนุนแผ่นหลังส่วนล่าง ขณะที่พื้นที่ช่วงไหล่มีรูปทรงเปิดกว้างเพื่อความสบายในการขยับตัว ช่วยลดความเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ระยะของเบาะที่ตรงกับตำแหน่งสะโพกได้รับการขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยปรับสรีระขณะขับขี่ให้อยู่ในท่าตรงโดยยังคงความคล่องตัวสะดวกสบายตามหลักสรีระศาสตร์ ทั้งพัฒนาเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นเส้นทางได้สะดวกจากภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ การเข้าและออกจากห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้นด้วยการออกแบบเสาด้านหน้าใหม่ ที่เป็นแนวตรงมากขึ้น ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่บันไดข้างให้ใหญ่ขึ้น ลดโอกาสลื่นไถล ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม

ออล-นิว ไทรทัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด อาทิ

– ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM)

– ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA)

– ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)

ตลอดจนระบบอื่น ๆ

นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ออกแบบ ออล-นิว ไทรทัน ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งมากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะป้องกันพื้นผิวสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ จนถึงการตกแต่งในสไตล์รถส่วนตัว เช่น สปอร์ตบาร์ ชุดตกแต่งซุ้มล้อบังโคลน และคิ้วกันกระแทกประตูที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งทรงพลัง ตราสัญลักษณ์ที่กระจังหน้าเติมเต็มความสะดุดตา และพื้นปูกระบะซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในรถกระบะก็มีให้เลือกเช่นกัน

“Mitsubishi Xpander CROSS” รถ 7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัว

สำหรับครอบครัวที่กำลังมองหารถ 7 ที่นั่งราคาไม่ถึงล้าน ยังมีรถในกลุ่ม MPV พิกัดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่น่าสนใจก็คือ “Mitsubishi Xpander CROSS” โดยมีการปรับรูปลักษณ์ให้มีส่วนผสมของความเป็นรถเอสยูวีเข้าไป ประกอบกับช่วงล่างแบบยกสูงที่ช่วยให้รุ่น CROSS มีความสูงจากพื้นถนนถึง 220 มิลลิเมตรเทียบเท่ากับรถเอสยูวีแท้ๆ

รูปลักษณ์ภายนอกของ Mitsubishi Xpander CROSS ยังคงเอกลักษณ์การออกแบบ “Dynamic Shield” มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED ที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปตัว T และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เรียงสวยงามด้านบน พร้อมด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด 

ส่วนด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED ที่ส่องสว่างเป็นรูปตัว T ในยามค่ำคืน มาพร้อมไฟเบรกที่เปลี่ยนเป็นแบบ LED ให้ความสว่างมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัย รวมถึงกันชนท้ายที่ถูกออกแบบเพื่อให้ดูเข้ากับรูปลักษณ์ด้านหน้า ล้ออัลลอยของ Xpander CROSS มีขนาด 17 นิ้ว

 

ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Xpander Cross (2023) ยังคงมาในแบบ 3แถว 7ที่นั่ง กว้างขวางสะดวกสบาย ตกแต่งเน้นความหรูหรา เบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน คุณสมบัติสะท้อนความร้อน คอนโซลดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ใหม่ พร้อมสวิตซ์ควบคุมระบบล็อกความเร็ว สวิตซ์ความคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีมากมาย อาทิเช่น หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9นิ้ว รองรับ Bluetooth เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5

Mitsubishi Xpander Cross (2023) ใหม่! ยังยกระดับความปลอดภัย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ ปลอดภัยกว่าด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตู ด้วยระยะความสูงจากพื้น 220 มิลลิเมตร ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆในประเภทเดียวกัน ทัศนวิสัยที่ดีและการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ ให้ความนุ่มนวล นั่งสบาย และยึดเกาะถนนเป็นอย่างดี มั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน

เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Xpander Cross (2023) ใหม่! เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT ตอบสนองการทำงานกับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

Mitsubishi Xpander Cross (2023) ใหม่! วางจำหน่ายที่ราคา 946,000 บาท ราคาเหมาะสำหรับครอบครับ ที่ต้องการเปลี่ยนรถอีโคคาร์หรือรถขนาดเล็ก มาเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับการใช้งานได้เพิ่มขึ้นหลากหลายกว่า

 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จับมือกรุงศรี ออโต้ และ ทีทีบีไดรฟ์ มอบข้อเสนอสุดพิเศษ ฟรีดาวน์ พร้อมผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับกรุงศรี ออโต้ และทีทีบีไดรฟ์ โดยทีเอ็มบีธนชาต มอบข้อเสนอสุดพิเศษ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ พร้อมผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อกรุงศรี ออโต้ และลูกค้าสินเชื่อทีทีบีไดรฟ์ เมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นใดก็ได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การนำเสนอแคมเปญพิเศษระหว่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กรุงศรี ออโต้ และ ทีทีบีไดรฟ์ ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งของเราในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า นอกเหนือจากข้อเสนอที่ดึงดูดใจแล้ว ลูกค้าของเรายังมั่นใจได้ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการด้านการขายและบริการหลังการขายอันเยี่ยมยอด ผ่านศูนย์บริการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส 216 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด ‘รถดี บริการดี ราคาขายต่อดี’ อีกด้วย”

ข้อเสนอพิเศษจากความร่วมมือของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ กรุงศรี ออโต้ และ ทีทีบีไดรฟ์ประกอบด้วย เงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 0 เปอร์เซ็นต์* พร้อมสิทธิ์ผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 84 เดือน* โดยลูกค้าที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อกับกรุงศรี ออโต้ (ยกเว้น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย) ยังได้สิทธิ์รับเพิ่ม คะแนน The 1 จำนวน 20,000 คะแนน (มูลค่า 2,500 บาท) ขณะที่ลูกค้าที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อกับทีทีบีไดรฟ์ สามารถซื้อรถยนต์ได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน พร้อมรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ร้อยละ 0.20 เมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นใดก็ได้ ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้ 

 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว Mitsubishi Xpander Cross 2023 ใหม่!

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว  Mitsubishi Xpander Cross 2023 รถยนต์เอสยูวี 7ที่นั่ง รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่า ‘Live Fife Adventure’ เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่มุมเดียว

 

ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยวหรูหรา ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield พร้อมชุดไฟหน้าแบบ LED ทั้งระบบ ทั้งชุดไฟหน้า ไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก รวมถึงเปลี่ยนชุดไฟตัดหมอกจากเดิมทรงกลมมาเป็นแบบทรงสี่เหลี่ยมแบบใหม่ กันชนหน้าเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้ใหญ่ขึ้น  เสริมความโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยสปอร์ตทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางที่ใหญ่ขึ้น และซุ้มล้อแบบ “ครอสดีไซน์” สุดเท่ไม่ซ้ำใคร ยังเพิ่มความเฉียบคมภายนอกด้วยหลังคาสีดำ และราวหลังคาสีดำ 

สีตัวถังมีให้เลือก 4 สี  คือ สีเขียว, สีขาวมุก, สีเงิน  และ สีเทา

มีสีทูโทนอีก 2 สไตล์ คือ สีเขียวหลังคาดำ และ สีขาวหลังคาดำ

ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Xpander Cross 2023 ยังคงมาในแบบ 3แถว 7ที่นั่ง กว้างขวางสะดวกสบาย ตกแต่งเน้นความหรูหรา เบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน คุณสมบัติสะท้อนความร้อน คอนโซลดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ใหม่ พร้อมสวิตซ์ควบคุมระบบล็อกความเร็ว สวิตซ์ความคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีมากมาย อาทิเช่น หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9นิ้ว รองรับ Bluetooth เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5

Mitsubishi Xpander Cross 2023  ยังยกระดับความปลอดภัย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ ปลอดภัยกว่าด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตู ด้วยระยะความสูงจากพื้น 220 มิลลิเมตร ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆในประเภทเดียวกัน ทัศนวิสัยที่ดีและการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ ให้ความนุ่มนวล นั่งสบาย และยึดเกาะถนนเป็นอย่างดี มั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน

เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Xpander Cross 2023  เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT ตอบสนองการทำงานกับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

Mitsubishi Xpander Cross 2023 ใหม่! วางจำหน่ายที่ราคา 946,000 บาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7,000 บาทจากรุ่นเดิม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว “เอ็มแคร์” โปรแกรมบริการหลังการขาย ภายใต้สโลแกน “เอ็มแคร์ ดูแลกันยาวๆ” มอบสิทธิพิเศษมัดใจลูกค้า

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว เอ็มแคร์ (M-Care) โปรแกรมบริการหลังการขาย ภายใต้สโลแกน เอ็มแคร์ ดูแลกันยาวๆ พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่นำรถมารับบริการเช็คระยะ ด้วยแนวคิด “ยิ่งเข้าเช็คระยะต่อเนื่อง ยิ่งได้รับสิทธิพิเศษมากกว่า”

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ให้ความสำคัญต่อการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในด้านบริการหลังการขาย โดยเอ็มแคร์ ถือเป็นการต่อยอดจากงานบริการที่เรามอบให้แก่ลูกค้าตลอดมา ด้วยมาตรฐานการบริการที่ยอดเยี่ยม นำเสนออะไหล่แท้ ให้บริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถยนต์มิตซูบิชิทุกคันจะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ด้วยค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง และประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น

ลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิ ที่เป็นสมาชิก “เอ็มแคร์” จะได้รับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษสำหรับการใช้บริการในครั้งต่อไป ตามระดับของสมาชิกที่แบ่งออกเป็น 6 ระดับ ตั้งแต่ระดับ Silver ไปจนถึงระดับ Platinum+ โดยลูกค้าจะได้รับการเลื่อนระดับสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น ตามจำนวนครั้งที่นำรถเข้ารับบริการเช็คระยะต่อเนื่อง ณ ศูนย์บริการมาตรฐานของผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ลูกค้ารถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จะได้รับสิทธิพิเศษเป็นสมาชิกเอ็มแคร์ ระดับ Platinum+ ซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงสุดตลอดการใช้งาน  เพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ สมาชิก “เอ็มแคร์” จะประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 6 ระดับ ดังนี้

  • ระดับ Silver (เมื่อเข้ารับบริการเช็กระยะต่อเนื่อง 5 – 6 ครั้ง)
  • ระดับ Silver+ (เมื่อเข้ารับบริการเช็กระยะต่อเนื่อง 7- 8 ครั้ง)
  • ระดับ Gold (เมื่อเข้ารับบริการเช็กระยะต่อเนื่อง 9 – 10 ครั้ง)
  • ระดับ Gold+ (เมื่อเข้ารับบริการเช็กระยะต่อเนื่อง 11 – 12 ครั้ง)
  • ระดับ Platinum (เมื่อเข้ารับบริการเช็กระยะต่อเนื่อง 13 – 14 ครั้ง)
  • ระดับ Platinum+ (เมื่อเข้ารับบริการเช็กระยะต่อเนื่อง 15 ครั้ง ขึ้นไป)

พิเศษสำหรับช่วงเปิดตัวโปรแกรม เอ็มแคร์ (M-Care) ลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน M-Drive เพื่อเป็นสมาชิก เอ็มแคร์และรับสิทธิพิเศษ ได้ที่ http://www.mitsubishi-motors.co.th/th/m-drive-application  และเมื่อเข้ารับบริการหลังการขาย ณ ศูนย์บริการมิตซูบิชิ ลูกค้าจะได้รับคูปองส่วนลดจากทุกการใช้จ่ายครบทุก 500 บาท สำหรับอะไหล่ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น อุปกรณ์ตกแต่ง โดยข้อเสนอสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้ามิตซูบิชิ ที่เป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2566 พร้อมติดตามสิทธิพิเศษต่างๆ จากโปรแกรม เอ็มแคร์ ได้ที่เว็บไซต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย https://www.mitsubishi-motors.co.th  ติดต่อสอบถามข้อมูลที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ หรือมิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 8:30 – 17:00 น.

มิตซูบิชิไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส ขึ้นแท่นคว้า “อันดับ 1 รถใหม่คุณภาพสูง”

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส คว้าอันดับ 1 รถใหม่คุณภาพสูง จากการสำรวจ เจ.ดี พาวเวอร์ ประจำปี 2565 (J.D. Power 2022 Thailand Initial Quality Study หรือ IQS) ตอกย้ำจุดแข็งในฐานะสุดยอดรถคุณภาพในกลุ่มรถกระบะ 4ประตู 

การสำรวจคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทยของ เจ.ดี. พาวเวอร์ ประจำปี 2565 จัดทำขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน 2565 ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ จำนวน 5,419 คนในช่วงเวลา 6 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2564 ถึงเดือนสิงหาคม 2565 ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ และรถอเนกประสงค์ทั้งหมด 77รุ่น จาก 11 ยี่ห้อ

นางสาวมณีณัฐฐา จิระเสวีจินดา ผู้อำนวยการงานวิจัยฝ่ายยานยนต์ส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นีสเส็น ไอคิว กล่าวว่า “มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส ได้รับการจัดอันดับสูงสุดให้เป็นสุดยอดรถคุณภาพ ในกลุ่มรถกระบะ 4 ประตู ซึ่งได้รับความพึงพอใจจากผู้ขับขี่ด้วยจุดเด่นหลายประการที่ยอดเยี่ยมกว่าค่าเฉลี่ยของรถกระบะในกลุ่มเดียวกัน เช่น ควบคุมง่าย ขับขี่สบายและคล่องตัว รวมถึงห้องโดยสาร มีการป้องกันเสียงรบกวนอย่างดี รวมถึงมีสัญญาณคลื่นวิทยุที่ชัดเจน”

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส เป็นรถที่ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน  ผสานความแข็งแกร่งทนทาน สมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นลุยได้ทุกสภาพถนน ระบบความปลอดภัยล้ำสมัย มั่นใจได้ทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดรฟ์ II” (Super Select 4WD II) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จากผลสำรวจของ เจ.ดี. พาวเวอร์ ในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี และสะท้อนความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ยานยนต์คุณภาพสูง ด้วยสมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศ พร้อมความปลอดภัยที่เหนือกว่า

Warranty Plus โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ

WARRANTY PLUS โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ

MITSUBISHI MOTORS WARRANTY PLUS โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ

Warranty Plus โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ

MITSUBISHI MOTORS WARRANTY PLUS โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ

รับประกันคุณภาพรวมสูงสุดนาน 7 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน)
เราดูแล … คุณแค่ขับ

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่น ให้คุณหมดกังวลเรื่องค่าซ่อมหลังสิ้นสุดระยะการรับประกันมาตรฐาน ด้วยโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ ราคาพิเศษ เพื่อดูแลรถยนต์มิตซูบิชิที่คุณรักให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมพาคุณสู่ทุกจุดหมายอย่างที่ใจต้องการ

Mitsubishi Motors Warranty Plus

โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ รวมสูงสุด 7 ปี หรือ 150,000 กม* สำหรับลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิ ที่ยังอยู่ในระยะรับประกันมาตรฐานที่บริษัทฯกำหนด

โดยลูกค้าสามารถซื้อการรับประกันคุณภาพเพิ่มเติมภายใน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.* นับตั้งแต่วันที่ออกรถ หรือก่อนสิ้นสุดระยะรับประกันมาตรฐาน โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพชิ้นส่วนรถจะครอบคลุมชิ้นส่วนสำาคัญ 14 กลุ่มหลัก โดยสามารถเลือกซื้อการรับประกันคุณภาพเพิ่มเติมตามรูปแบบการใช้รถที่เหมาะสม ทั้งแบบเพิ่มเติม 1 ปี หรือ 25,000 กม.* หรือเพิ่มเติม 2 ปี หรือ 50,000 กม.*

*แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน

สิทธิประโยชน์จาก Mitsubishi Motors Warranty Plus

• หมดกังวลด้วยการรับประกันคุณภาพที่ยาวนานยิ่งขึ้น
• ลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อต้องนำรถเข้าซ่อม
• ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการซ่อม และครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมตามเงื่อนไขการรับประกัน
• ได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องทันทีเมื่อระยะรับประกันมาตรฐานสิ้นสุดลง
• สามารถใช้สิทธิการเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิทั่วประเทศ

สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 6 เดือน หรือ 10,000 กม*  (นับตั้งแต่วันที่ลูกค้ารับมอบรถยนต์จากผู้จำหน่าย)

รุ่นรถ1 ปี หรือ 25,000 กม.*2 ปี หรือ 50,000 กม.*
MIRAGE7,990 บาท11,990 บาท
ATTRAGE7,990 บาท11,990 บาท
XPANDER9,990 บาท14,990 บาท
TRITON11,990 บาท18,990 บาท
PAJERO SPORT13,990 บาท22,990 บาท

สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 6 เดือน หรือ 10,000 กม.* แต่ไม่เกิน 5 ปี หรือ 100,000 กม.* (นับตั้งแต่วันที่ลูกค้ารับมอบรถยนต์จากผู้จำหน่าย)

รุ่นรถ1 ปี หรือ 25,000 กม.*2 ปี หรือ 50,000 กม.*
MIRAGE9,990 บาท13,990 บาท
ATTRAGE9,990 บาท13,990 บาท
XPANDER11,990 บาท17,990 บาท
TRITON13,990 บาท21,990 บาท
PAJERO SPORT16,990 บาท25,990 บาท

*แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน

หมายเหตุ
• ราคาจำหน่ายข้างต้นรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2562
• รถที่เข้าร่วมรายการต้องเป็นรถมิตซูบิชิ ที่ออกโดยผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้เข้ารับการเช็กระยะตามเวลาและมาตรฐานที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดได้จากสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ